สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นายคาร์ล ไอคาห์น มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ติดอันดับหนึ่งในผู้ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ประกาศเทขาย...
สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายคาร์ล ไอคาห์น มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ติดอันดับหนึ่งในผู้ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ประกาศเทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัทแอปเปิล บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก โดยเขาถือหุ้นทั้งหมด 53 ล้านหุ้น ที่สามารถขายได้ในราคา 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท เนื่องจากเขากังวลในศักยภาพการทำกำไรของแอปเปิลโดยเฉพาะในประเทศจีน
จากการประกาศขายหุ้นดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของแอปเปิลดิ่งลงอย่างหนักถึง 3% เมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยลบที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ด้วย
นายไอคาห์น ประกาศขายหุ้นดังกล่าว หลังจากที่แอปเปิลออกมาประกาศว่ามียอดขายตกเป็นครั้งแรกกว่าร้อยละ 13 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 โดยเขาเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ CNBC อีกว่า อีกเหตุผลหนึ่งคือการที่เศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีตลาดผู้บริโภคใหญ่เป็นอันดับ 2 กำลังประสบภาวะตกต่ำ เเละเขามีความกังวลเกี่ยวกับทัศนคติของจีนที่มีต่อแอปเปิล หลังทางการจีนได้ระงับการให้บริการ iTunes Movies และ iBooks ของแอปเปิล ตามกฎหมายควบคุมสื่อต่างชาติออนไลน์อีกด้วย
ทั้งนี้ เเอปเปิลเผยรายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ลดลง 13% เนื่องจากยอดขายไอโฟนลดลง โดยมีรายได้รวมในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 50.56 พันดอลลาร์สหรัฐฯ โดยลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ 58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นครั้งแรกที่ยอดขายของบริษัทร่วงลงนับตั้งแต่ปี 2546
แอปเปิลระบุว่า ได้ขายไอโฟนในช่วงเวลาดังกล่าวไป 51.2 ล้านเครื่อง ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 61.2 ล้านเครื่อง โดยยอดขายร่วงลงหนักที่สุดในจีนที่ 26% นอกจากนี้บริษัทยังได้รับผลกระทบจากเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้นด้วย
ขอขอบคุณข่าวจาก: prachachat.net
จากการประกาศขายหุ้นดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของแอปเปิลดิ่งลงอย่างหนักถึง 3% เมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยลบที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ด้วย
นายไอคาห์น ประกาศขายหุ้นดังกล่าว หลังจากที่แอปเปิลออกมาประกาศว่ามียอดขายตกเป็นครั้งแรกกว่าร้อยละ 13 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 โดยเขาเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ CNBC อีกว่า อีกเหตุผลหนึ่งคือการที่เศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีตลาดผู้บริโภคใหญ่เป็นอันดับ 2 กำลังประสบภาวะตกต่ำ เเละเขามีความกังวลเกี่ยวกับทัศนคติของจีนที่มีต่อแอปเปิล หลังทางการจีนได้ระงับการให้บริการ iTunes Movies และ iBooks ของแอปเปิล ตามกฎหมายควบคุมสื่อต่างชาติออนไลน์อีกด้วย
ทั้งนี้ เเอปเปิลเผยรายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ลดลง 13% เนื่องจากยอดขายไอโฟนลดลง โดยมีรายได้รวมในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 50.56 พันดอลลาร์สหรัฐฯ โดยลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ 58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นครั้งแรกที่ยอดขายของบริษัทร่วงลงนับตั้งแต่ปี 2546
แอปเปิลระบุว่า ได้ขายไอโฟนในช่วงเวลาดังกล่าวไป 51.2 ล้านเครื่อง ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 61.2 ล้านเครื่อง โดยยอดขายร่วงลงหนักที่สุดในจีนที่ 26% นอกจากนี้บริษัทยังได้รับผลกระทบจากเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้นด้วย
ขอขอบคุณข่าวจาก: prachachat.net