Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE
{fbt_classic_header}

บทความที่ได้รับความนิยม

คอนเฟิร์มแล้ว : 'ดีเอสไอ-อัยการ' เห็นชอบดำเนินคดี 'ธัมมชโย-เครือข่ายธรรมกาย'

2 ก.พ. 59  พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้ากา...

2 ก.พ. 59  พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ร่วมกับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินคดีฟอกเงินกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์ฯ กับผู้ที่มีชื่อรับเช็ค 878 ฉบับ โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอแยกการสอบสวนออกเป็น 7 กลุ่ม ตามความสัมพันธ์ของธุรกรรมการเงินประกอบด้วย 1. นิติบุคคลที่มีมูลหนี้ต่อกัน 2. วัดพระธรรมกาย 3. สหกรณ์อื่นๆ 4. ผู้ต้องหาและผู้ที่เข้าข่าย 5. บุคคลธรรมดา 6. นายหน้าค้าที่ดิน และ 7. นิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน กลุ่มจะถูกดำเนินคดีข้อหารับของโจรและฟอกเงิน คือ กลุ่มที่รับเช็คโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โดยเฉพาะในส่วนของวัดพระธรรมกาย พบว่า มีการรับบริจาคโดยไม่มีมูลหนี้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการบริจาคให้วัดเข้าบัญชีพระเทพญาณมหามุนี (ธัมมชโย) และเข้าบัญชีพระรูปอื่นในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ ในการดำเนินคดีฟอกเงินหากพบว่ามีทรัพย์สินที่ได้จากการยักยอกสหกรณ์หลงเหลืออยู่กับบุคคลใด พนักงานสอบสวนจะยึดอายัด
 
                       พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า การสอบสวนคดียักยอกสหกรณ์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ไม่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณีรถเบนซ์จดประกอบของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เนื่องจากเป็นคนละส่วนกัน พนักงานสอบสวนแยกกันทำงาน โดยคดีฟอกเงินคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน เพราะมีการตั้งเรื่องสอบสวนมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งอาจตั้งเป็นคดีใหม่เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่เคยรับไว้สอบสวน 3 คดี
 
                       ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า  ล่าสุดดีเอสไอยึดทรัพย์สินของนายศุภชัยได้เพิ่มเติม 3 รายการ ได้แก่ เงินที่นายศุภชัยโอนให้กับนายสุวิทย์ ฤทธิศร เป็นเงิน 168 ล้านบาท โดยนายสุวิทย์ นำเงินไปซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างรีสอร์ทมูลค่า 20 ล้านบาท , ที่ดิน 1,984 ไร่ ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มูลค่า 367 ล้านบาท และที่ดิน จ.มหาสารคาม เนื้อที่ 3 ไร่เศษ มูลค่า 23 ล้านบาท      
 
                       นอกจากนี้อัยการยังได้ทำหนังสือแจ้งให้ดีเอสไอดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายศุภชัย น.ส.ศรันยา มานหมัด นายลภัส โสมคำ และนายกฤษดา มีบุญมาก ฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้างและร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์และให้สอบสวนเพิ่มเติมกรณีนางทองพิน กันล้อม และบุคคลอื่น ร่วมกันลงลายมือชื่อกับนายศุภชัยเพื่อจ่ายเช็คของสหกรณ์ อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายจิรเดช วรเพียรกุล และนายวัฒชานนท์ นวอิศรารักษ์ ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์ตามที่พนักงานสอบสวนชุดเดิมมีความเห็นไปก่อนหน้านี้ แต่ให้พิจารณาความผิดในฐานรับของโจรหรือฟอกเงินแทน
 
ภาพแลพข่าวจาก : คม ชัด ลึก